สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีน รวมทั้งการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และการที่สหรัฐทำการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านและเวเนซุเอลา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.45 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 61.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 69.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 50.8 ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 49.9 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นหลังจากที่หดตัวติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน
ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 55.3 ในเดือนมี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 54.5 หลังจากแตะระดับ 54.2 ในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนและสหรัฐจะเป็นการบ่งชี้ถึงความต้องการใช้น้ำมันในระดับสูง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนเม.ย. เนื่องจากซาอุดิอาระเบียยังคงเดินหน้าควบคุมการผลิต และการผลิตน้ำมันของเวเนซุเอลาได้รับผลกระทบจากการถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ
นักลงทุนจับตาตัวเลยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย