สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 เม.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง ขณะที่ยอดนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 62.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 6 เซนต์ ปิดที่ 69.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 7.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 มี.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 425,000 บาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 600,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ EIA ระบุว่า การนำเข้าน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 6.8 ล้านบาร์เรล/วันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 223,000 บาร์เรล/วันจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รวมทั้งการที่สหรัฐทำการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน และเวเนซุเอลา
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างผลสำรวจของรอยเตอร์ว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนมี.ค.อยู่ที่ระดับ 30.40 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 280,000 บาร์เรล/วันจากระดับของเดือนก.พ.
ทั้งนี้ เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โอเปก และกลุ่มประเทศนอกโอเปกซึ่งนำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อป้องกันการทรุดตัวของราคาน้ำมัน