สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) และสถาบันปิโตรเลียอเมริกา (API) เปิดเผยรายงานที่สอดคล้องกันว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดทางทหารในลิเบียอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในประเทศ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 62.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 69.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 7.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 มี.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 425,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 มี.ค. อยู่ที่ระดับ 12.2 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นราว 100,000 บาร์เรล/วัน เมื่อเทียบเป็นรายปี
ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของ EIA สอดคล้องกับรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.96 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 มี.ค.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ลิเบียกำลังเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดทางทหาร ในขณะที่ลิเบียกำลังเตรียมจัดการประชุมแห่งชาติภายใต้การสนับสนุนขององค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า การประชุมดังกล่าวจะมีพรรคการเมืองต่างๆของลิเบียเข้าร่วมประชุม โดยมีเป้าหมายที่จะยุติวิกฤตการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ
ทางด้านนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการ UN ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางทหารที่กำลังเกิดขึ้นในลิเบีย
ทั้งนี้ ลิเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก เนื่องจากลิเบียยังคงเผชิญกับสงครามกลางเมือง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจและอุตสหกรรมน้ำมันของประเทศ