สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในลิเบียอาจส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกอาจประสบภาวะตึงตัว ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า สนามบินในกรุงทริโปลี เมืองหลวงของลิเบีย ได้รับความเสียหายจากการถูกเครื่องบินรบทิ้งระเบิดถล่ม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 64.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 71.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจประสบภาวะตึงตัว อันเนื่องมาจากสถานการณ์รุนแรงในลิเบียซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยล่าสุดสนามบินแห่งเดียวที่ใช้การได้ของกรุงทริโปลี ได้ถูกเครื่องบินรบทิ้งระเบิดถล่ม ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 35 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก 80 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นทั้งนักรบและพลเรือน
สถานการณ์รุนแรงดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันโลก โดยเสถียรภาพทางการเมืองลิเบียตกอยู่ในภาวะสั่นคลอนมาตั้งแต่ที่นายมูอัมมาร์ กัดดาฟี ถูกโค่นอำนาจและสังหารเมื่อปี 2554
ทั้งนี้ ลิเบีย ได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก เนื่องจากลิเบียยังคงเผชิญกับสงครามกลางเมือง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจและอุตสหกรรมน้ำมันของประเทศ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รวมทั้งการที่สหรัฐทำการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน และเวเนซุเอลา
ผลการสำรวจพบว่า ปริมาณน้ำมันจากกลุ่มประเทศโอเปกลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีในเดือนมี.ค. จากการที่ซาอุดีอาระเบียลดการผลิตน้ำมันมากกว่าที่ตกลงกันไว้
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย