สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงาน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 42 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 63.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 49 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 70.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจาก IMF ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ สู่ระดับ 3.3% จากเดิมที่ระดับ 3.5% โดยได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ขณะเดียวกัน IMF ยังเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลง, ความไม่แน่นอนทางการเมือง ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกจัดการเลือกตั้ง และความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชียตะวันออก
นักวิเคราะห์มองว่า การที่ IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งได้ฉุดตลาดหุ้นร่วงลงด้วยนั้น ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในปีนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงาน และสกัดช่วงขาขึ้นของราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากนักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 เม.ย. ขณะเดียวกันคาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย