สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลงกว่า 7 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ลดการผลิตน้ำมันในเดือนมี.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 64.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 71.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 7.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 เม.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 100,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.09 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 เม.ย.
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากกลุ่มโอเปกเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกได้ลดลงกว่า 500,000 บาร์เรลในเดือนมี.ค. แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ซาอุดีอาระเบียยังคงปรับลดกำลังการผลิต และเวเนซุเอลาลดการผลิตน้ำมัน เนื่องจากประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 534,000 บาร์เรลในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 30.02 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2558 ซึ่งขณะนั้น โอเปกมีการผลิตน้ำมัน 29.97 ล้านบาร์เรล/วัน
ส่วนซาอุดีอาระเบียปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 324,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 9.8 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่เวเนซุเอลาลดกำลังการผลิตน้ำมัน 289,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 732,000 บาร์เรล/วัน
เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงเดือนมิ.ย.ปีนี้ เพื่อป้องกันการทรุดตัวของราคาน้ำมัน