สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นเกือบ 1% ในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากภาวะตึงตัวในตลาด จากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก), ความไม่สงบในลิเบีย รวมทั้งการที่สหรัฐทำการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน และเวเนซุเอลา
ณ เวลา 22.15 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.96% สู่ระดับ 64.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ การผลิตน้ำมันของโอเปกได้ลดลงกว่า 500,000 บาร์เรลในเดือนมี.ค. แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ซาอุดีอาระเบียยังคงปรับลดกำลังการผลิต และเวเนซุเอลาลดการผลิตน้ำมัน เนื่องจากประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ
การผลิตน้ำมันของโอเปกได้ลดลง 534,000 บาร์เรลในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 30.02 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2558 ซึ่งขณะนั้น โอเปกมีการผลิตน้ำมัน 29.97 ล้านบาร์เรล/วัน
เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงเดือนมิ.ย.ปีนี้ เพื่อป้องกันการทรุดตัวของราคาน้ำมัน
ส่วนในปีนี้ การผลิตน้ำมันของโอเปกและประเทศพันธมิตรได้ลดลงมากกว่า 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 30%
ซาอุดีอาระเบียปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 324,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 9.8 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนเวเนซุเอลาลดกำลังการผลิตน้ำมัน 289,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 732,000 บาร์เรล/วัน
โอเปกจะจัดการประชุมในเดือนมิ.ย.เพื่อทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมัน ซึ่งแม้ซาอุดีอาระเบียมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตต่อไป แต่แหล่งข่าวระบุว่า ซาอุดีอาระเบียอาจตัดสินใจเพิ่มการผลิตตั้งแต่เดือนก.ค. หากยังคงมีปัญหาการผลิตน้ำมันจากประเทศอื่นๆ