สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่า รัสเซียและกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดจากสหรัฐ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงเป็นปัจจัยหนุนตลาดในระหว่างวัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 63.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 71.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากมีสัญญาณว่า รัสเซียและกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ นายแอนตัน ซิลูอานอฟ รมว.คลังรัสเซีย กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า รัสเซียและกลุ่มโอเปกอาจตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดจากสหรัฐ
โอเปกจะจัดการประชุมในเดือนมิ.ย.เพื่อทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมัน ซึ่งแม้ซาอุดีอาระเบียมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตต่อไป แต่แหล่งข่าวระบุว่า ซาอุดีอาระเบียอาจตัดสินใจเพิ่มการผลิตตั้งแต่เดือนก.ค. หากยังคงมีปัญหาการผลิตน้ำมันจากประเทศอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกัน EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 400,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 6.4% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.3% ขณะที่ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 8.5% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.9%