สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การเมืองในเวเนซุเอลาอย่างใกล้ชิด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 63.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 72.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 9.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 เม.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล
ส่วนสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.8 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ดังกล่าว
รายงานของ EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 917,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 193,000 บาร์เรล
นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองในเวเนซุเอลาอย่างใกล้ชิด โดยรายงานระบุว่า นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆทั่วโลก ยุติการสนับสนุนนายฮวน กุยโด ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา
ทั้งนี้ นายมาดูโรยืนยันว่า กองทัพยังคงจงรักภักดีและให้การสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล นอกจากนี้ นายมาดูโรยังได้ปฏิเสธข่าวลือที่ว่ากองทัพเตรียมก่อการรัฐประหาร
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในเดือนมิ.ย. โดยโอเปกจะทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมัน และจะตัดสินใจว่าจะยังคงลดการผลิตน้ำมันต่อไปหรือไม่
รายงานระบุว่า แม้ซาอุดีอาระเบียมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตต่อไป แต่แหล่งข่าวระบุว่า ซาอุดีอาระเบียอาจตัดสินใจเพิ่มการผลิตตั้งแต่เดือนก.ค. หากยังคงมีปัญหาการผลิตน้ำมันจากประเทศอื่นๆ