สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วงลงในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25%
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการผลิตน้ำมัน และสต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ
ณ เวลา 19.04 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.60% สู่ระดับ 61.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% ในวันศุกร์นี้ จากเดิมที่ระดับ 10% เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ มีความคืบหน้า "ช้าเกินไป"
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังระบุว่า จะมีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงินอีก 3.25 แสนล้านดอลลาร์ในอัตรา 25% ในไม่ช้าเช่นกัน
รายงานข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีดังกล่าวเพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อการเจรจาการค้ากับจีน โดยหวังให้สงครามการค้าที่ยืดเยื้อมานานยุติลง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่สหรัฐและจีนมีกำหนดกลับมาเจรจาการค้าอีกครั้งในวันพุธนี้ที่กรุงวอชิงตัน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาร่วมกันครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กรุงปักกิ่งของจีน
ถึงแม้ปธน.ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน แต่จีนก็ยังคงยืนยันเดินหน้าการเจรจาการค้ากับสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยนายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนเตรียมส่งคณะผู้แทนไปยังสหรัฐเพื่อเจรจาการค้า อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการยืนยันว่านายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นแกนนำคนสำคัญในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ จะเดินทางไปกับคณะผู้แทนดังกล่าวหรือไม่
ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณายกเลิกการเจรจาการค้ากับสหรัฐที่เดิมมีกำหนดในสัปดาห์นี้ หลังปธน.ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25%
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 9.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 470.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 917,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ การผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วันนับตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว สู่ระดับ 12.3 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้สหรัฐเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก แซงหน้ารัสเซีย และซาอุดีอาระเบีย