สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดน้อยลงด้วย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 85 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 61.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 1.36 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 69.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดร่วงลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% ในวันศุกร์นี้ จากเดิมที่ระดับ 10% รวมทั้งจะมีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์ในอัตรา 25% ในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านอาจส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในภาวะตึงตัว หลังจากนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า สหรัฐจะส่งกองกำลังทหารเข้าไปยังตะวันออกกลาง เพื่อรับมือกับการคุกคามจากอิหร่าน โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานของอิหร่าน โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านเป็นศูนย์
นักลงทุนจับตาสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ซึ่งได้รับการสำรวจโดยเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 พ.ค. ขณะเดียวกันคาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 980,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.05 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในเดือนมิ.ย. โดยที่ประชุมจะทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมัน และจะตัดสินใจว่าจะยังคงลดการผลิตน้ำมันต่อไปหรือไม่