สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งอาจกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน แม้มีสัญญาณว่า ตลาดพลังงานทั่วโลกจะตึงตัวมากขึ้นก็ตาม ขณะที่นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 62.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 72.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนในตลาดยังคงติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่าน โดยสหประชาชาติ (UN) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นถึงที่สุด ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิหร่านและสหรัฐ และในอ่าวเปอร์เซีย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาใดๆ กับสหรัฐ ภายใต้แรงกดดันจากมาตรการคว่ำบาตร โดยระบุว่าการคว่ำบาตรของสหรัฐเป็นการก่อการร้ายทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน
ทั้งนี้ สหรัฐได้เพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่าน โดยประกาศให้ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่านเป็นกลุ่มก่อการร้าย สั่งห้ามการส่งออกน้ำมันทั้งหมดของอิหร่าน และเพิ่มกำลังทหารของสหรัฐในอ่าวเปอร์เซีย
ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 3 แท่นในสัปดาห์นี้ สู่ระดับ 802 แท่น และร่วงลง 42% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน และอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2561 หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 2 แท่น