สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 61.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. ดิ่งลง 1.19 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 70.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 พ.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 599,000 บาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 พ.ค.
รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 816,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 768,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 48,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และความต้องการใช้น้ำมัน
นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่กรุงเวียนนาในวันที่ 25-26 มิ.ย. โดยที่ประชุมจะเพื่อพิจารณานโยบายการผลิตน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวระบุว่า การประชุมดังกล่าวอาจถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 3-4 ก.ค.