สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) ปิดดิ่งลงกว่า 5% หลุดระดับ 58 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาน่าผิดหวังอีกด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 3.51 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 57.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม และเป็นการลดลงมากที่สุดในปีนี้ ทั้งในแง่ของราคาและเปอร์เซนต์
ด้านสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. ดิ่งลง 3.23 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 67.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ในวันพฤหัสบดี นับว่าเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในปีนี้ และเป็นระดับปิดที่ต่ำที่สุดในรอบกว่าสองเดือน นอกจากนี้ในระหว่างวัน สัญญาน้ำมันดิบยังลงไปแตะที่ 57.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. โดยราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 60 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ซึ่งระดับดังกล่าวถือเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยา
ภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และอาจลามไปถึงความต้องการใช้น้ำมัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกระทบจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านที่ได้ผ่อนคลายลงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ฉุดราคาน้ำมันเช่นกัน
นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า การดำเนินการทางด้านการค้าของสหรัฐในระยะนี้กำลังเป็นอุปสรรคขัดขวางการเจรจาการค้ากับจีน ซึ่งถ้าสหรัฐต้องการให้การเจรจาการค้าดำเนินต่อไป สหรัฐจะต้องมีความจริงใจในการแก้ไขการกระทำที่ผิดพลาด หลังจากนั้น การเจรจาจึงจะเกิดขึ้นได้
นายเกาไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการด้านการค้าดังกล่าวของสหรัฐ อย่างไรก็ดี คำกล่าวของนายเกามีขึ้น หลังจากที่สหรัฐขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ทำให้บริษัทไม่สามารถซื้อสินค้าจากสหรัฐ และสหรัฐยังได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10%
"การมุ่งโจมตีบริษัทจีนไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อความร่วมมือทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ แต่ยังคุกคามต่อความมั่นคงของอุตสาหกรรมระดับโลก และห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจีนคัดค้านในเรื่องดังกล่าว และเราจะจับตาพัฒนาการ และจะมีการเตรียมการรับมือที่เหมาะสม" เขากล่าว
นอกจากนี้ สหรัฐเตรียมพิจารณาเพิ่มบัญชีรายชื่อบริษัทจีนที่จะถูกขึ้นบัญชีดำ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะขึ้นบัญชีดำบริษัทจำหน่ายกล้องวงจรปิดรายใหญ่ 5 รายของจีน ซึ่งรวมถึงบริษัท Hikvision Digital Technology และ บริษัท Dahua Technology ด้วยข้อหากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลง 6.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 673,000 ยูนิต หลังจากพุ่งแตะระดับ 723,000 ยูนิตในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550
ยอดขายบ้านลดลงในทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งพุ่งขึ้น 11.5%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่จะลดลง 2.8% สู่ระดับ 675,000 ยูนิตในเดือนเม.ย.
ด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.9 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 36 เดือน หลังจากแตะระดับ 53.0 ในเดือนเม.ย.
การปรับตัวลงของดัชนี PMI ในเดือนพ.ค.ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2555
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 50.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 116 เดือน จากระดับ 52.6 ในเดือนเม.ย.
สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 50.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 39 เดือน จากระดับ 53.0 ในเดือนเม.ย.
นักลงทุนคาดว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านจะผ่อนคลายลง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้พบปะกับประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ได้โทรศัพท์หารือกับรมว.ต่างประเทศโอมาน โดยทั้งสวิตเซอร์แลนด์ และโอมานต่างก็เป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ทำให้เกิดความหวังว่าทำเนียบขาวกำลังเตรียมการเจรจากับผู้นำอิหร่าน