สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะเป็นปัจจัยที่ทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในภาวะตึงตัว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนหน้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 59.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจที่จะตัดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านลงเหลือ 0% และเพิ่มกำลังทหารของสหรัฐในอ่าวเปอร์เซีย เพื่อรับมือกับสิ่งที่ทรัมป์ระบุว่าเป็นภัยคุกคามจากอิหร่าน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบีย และประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่รายอื่นๆ ได้ส่งสัญญาณ โอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ต้องการขยายเวลาปรับลดการผลิตไปจนถึงปลายปีนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปกที่กรุงเวียนนาในวันที่ 25-26 มิ.ย. เพื่อพิจารณานโยบายการผลิตน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่โอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อป้องกันการทรุดตัวของราคาน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และทำให้ความต้องการใช้พลังงานลดน้อยลงด้วย
ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย