สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงน้อยกว่าในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 2.22 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 56.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. ดิ่งลง 2.58 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 66.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงเพียง 300,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 พ.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 800,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 225,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้ายังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน โดยหนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี ซึ่งเป็นสื่อกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุเตือนสหรัฐว่า จีนอาจใช้แร่หายากเป็นอาวุธในการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ
ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า จีนได้ระงับการซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐแล้ว และไม่มีแผนที่จะซื้อถั่วเหลืองล็อตใหม่ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าที่รุนแรงขึ้น
นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่กรุงเวียนนาในวันที่ 25-26 มิ.ย. เพื่อพิจารณานโยบายการผลิตน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่โอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อป้องกันการทรุดตัวของราคาน้ำมัน