สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายจากความกังวลที่ว่า ข้อพิพาทการค้าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 52.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 61.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากสื่อต่างประเทศหลายสำนัก ซึ่งรวมถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก โดยข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายจากความกังวลที่ว่า ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและบรรดาประเทศคู่ค้า อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดน้อยลงด้วย
เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า แม้มีความเป็นไปได้ว่าคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกในอัตรา 5% ในวันจันทร์ที่ 10 มิ.ย.ตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็มีแนวโน้มว่าการเรียกเก็บภาษีนำเข้าอาจจะเลื่อนออกไป เนื่องจากสหรัฐเล็งเห็นว่า เม็กซิโกมีความพยายามอย่างจริงจังและดำเนินการอย่างรวดเร็วในการแก้ไขปัญหาต่างๆที่เป็นข้อกังวลของปธน.ทรัมป์
เจ้าหน้าที่สหรัฐยังกล่าวด้วยว่า แม้ว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกในอัตรา 5% มีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มิ.ย. แต่หากเม็กซิโกดำเนินการตามคำมั่นสัญญาที่จะสกัดกั้นการหลั่งไหลของผู้อพยพ การเก็บภาษีนำเข้าก็จะเป็นการดำเนินการเพียงชั่วคราวเท่านั้น
นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่กรุงเวียนนาในวันที่ 25-26 มิ.ย.นี้ เพื่อพิจารณานโยบายการผลิตน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่โอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงเดือนมิ.ย.ปีนี้ เพื่อป้องกันการทรุดตัวของราคาน้ำมัน