สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนาในวันที่ 1 ก.ค.นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 59.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 66.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลง 12.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 มิ.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 2.8 ล้านบาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 7.5 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ดังกล่าว
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน หลังจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ เพื่อตอบโต้ต่อการที่อิหร่านยิงโดรนของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 1 ก.ค. ขณะที่ประเทศนอกกลุ่มโอเปก นำโดยรัสเซีย จะเข้าร่วมการประชุมในวันที่ 2 ก.ค. เพื่อหารือการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยคาดว่าที่ประชุมจะสนับสนุนการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้
เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.2 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงเดือนมิ.ย.ปีนี้ เพื่อป้องกันการทรุดตัวของราคาน้ำมัน