สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) โดยถูกกดดันจากผลผลิตน้ำมันดิบสหรัฐที่พุ่งขึ้นในเดือนเม.ย. และ จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 96 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 58.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 93 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 64.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยรายงานรายเดือนในวันศุกร์บ่งชี้ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐแตะ 12.162 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 246,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนมี.ค.
รัฐเท็กซัสมีการผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในเดือนเม.ย. โดยเพิ่มขึ้น 11,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 4.967 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่การผลิตนอกชายฝั่งในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐ ผลิตน้ำมันดิบได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 โดยเพิ่มขึ้น 77,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 1.982 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่ เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 4 แท่นในสัปดาห์นี้ สู่ระดับ 793 แท่น โดยการเพิ่มขึ้นของแท่นขุดเจาะน้ำมันดังกล่าว เป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันสัปดาห์ที่ 2 สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น 12% ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนลดลง 65 แท่น จาก 858 แท่น