สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.) ทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้ปัจจัยหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 57.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ขยับขึ้นเพียง 5 เซนต์ หรือน้อยกว่า 0.1% ปิดที่ 64.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากอิหร่านได้เสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมสูงกว่า 3.67% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าเพดานที่มีการระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558 นอกจากนี้ อิหร่านยังพิจารณาที่จะเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมสู่ระดับ 20% และอาจจะเพิ่มจำนวนเครื่องหมุนเหวี่ยงยูเรเนียมด้วยเช่นกัน
ความเคลื่อนไหวของอิหร่านได้สร้างความไม่พอใจให้กับสหรัฐและทั่วโลก โดยนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า การกระทำของอิหร่านจะนำไปสู่การถูกโดดเดี่ยวและการคว่ำบาตร ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกขู่ให้อิหร่านระวังตัว หลังจากที่อิหร่านได้ละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ทางด้านนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) มองว่า การที่อิหร่านละเมิดข้อจำกัดในการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมในข้อตกลงนิวเคลียร์นั้น จะไม่ช่วยในการดำรงรักษาข้อตกลง หรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจสำหรับประชาชนอิหร่าน
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์จากไอเอชเอส มาร์กิต คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ก.ค. ซึ่งจะเป็นการลดลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์