สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) เนื่องจากความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องในตะวันออกกลางยังคงช่วยหนุนตลาด แต่ความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันดิบส่วนเกินทั่วโลกนั้นได้สกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ขยับขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 60.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ขยับขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 66.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมัน
สื่อรายงานว่า อังกฤษกำลังส่งเรือรบลำที่ 2 เข้าไปในอ่าวเปอร์เซีย ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับอิหร่าน หลังจากที่เรือรบอังกฤษได้ยึดเรือน้ำมันอิหร่านนอกชายฝั่งยิบรอลตาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ เรือพิฆาต HMS Duncan จะเดินทางไปสู่อ่าวเปอร์เซียในอีกไม่กี่วัน เพื่อร่วมภารกิจลาดตระเวนกับเรือฟรีเกท HMS Montrose
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและอิหร่านได้ตกต่ำลง หลังเกิดเหตุการณ์ซึ่งเรือรบของอังกฤษได้เข้าสกัดเรืออิหร่าน 3 ลำที่ต้องการขวางเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษในช่องแคบฮอร์มุซ
อย่างไรก็ตาม ตลาดถูกกดดันหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุในแถลงการณ์ว่า ตลาดน้ำมันมีปริมาณน้ำมันส่วนเกินทั่วโลก 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในไตรมาส 2 ของปีนี้ เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ว่า ปริมาณน้ำมันจะขาดแคลน 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ออกรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนก.ค. ระบุว่า มีแนวโน้มการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด แม้ว่าโอเปกและพันธมิตรปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันก็ตาม