สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) โดยตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้ฉุดสัญญาน้ำมันดิบปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน และยังได้บดบังปัจจัยบวกรายงานข่าวที่ว่า อิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมันในช่องแคบฮอร์มุซก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 55.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.73 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 61.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.ปีนี้
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ก.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 4.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล
ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงน้อยกว่าคาดนั้น ได้บดบังรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์อิหร่านซึ่งระบุว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) ได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่ง พร้อมกับลูกเรือ 12 คน เนื่องจากได้ทำการลักลอบขนถ่ายน้ำมันจากอิหร่านไปให้แก่ลูกค้าชาวต่างชาติ รายงานระบุว่า IRGC ได้เข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันดังกล่าวทางใต้ของเกาะลารัคในช่องแคบฮอร์มุซ อย่างไรก็ดี สื่อไม่ได้รายงานชื่อเรือบรรทุกน้ำมันลำดังกล่าว และสัญชาติของลูกเรือ