สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 89 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 55.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 63.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลตัวลงได้กลับมาสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมันอีกครั้ง หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 3.2% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.3% และคาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะขยายตัว 3.5% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.6%
นักลงทุนกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันซบเซาลงด้วย นอกจากนี้ ความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวยังได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของ EIA ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 โดยลดลง 10.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 4.4 ล้านบาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 11 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 200,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล