สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน รวมถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังคงตึงเครียด และตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 56.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือประมาณ 0.5% ปิดที่ 63.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 31 ก.ค.ตามเวลาไทย โดยขณะนี้กระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่เชื่อว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
นักลงทุนรอดูการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐกับจีนในวันที่ 30-31 ก.ค. โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ได้เดินทางไปยังนครเซี่ยงไฮ้ในวันจันทร์ เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่จีนในวันอังคารและวันพุธนี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิดเช่นกัน หลังจากเกิดเหตุการณ์อิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษในช่องแคบฮอร์มุซ เพื่อตอบโต้อังกฤษที่ยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ รายงานล่าสุดระบุว่า อังกฤษได้ส่งเรือรบ Type 45 เข้าคุ้มกันกองเรือพาณิชย์ของอังกฤษในช่องแคบฮอร์มุซ เพื่อปกป้องอิสรภาพในการเดินเรือ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนท่าทีจากเดิม โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลอังกฤษระบุว่าไม่สามารถส่งเรือรบเข้าปกป้องกองเรือพาณิชย์ของอังกฤษได้ เนื่องจากมีจำนวนเรือรบไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย