สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มความต้องการใช้น้ำมัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 58.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 64.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้ปัจจัยหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย โดยนักลงทุนเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูผลการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีน โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ได้เดินทางไปยังนครเซี่ยงไฮ้เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่จีนตั้งแต่วันอังคารและจะเสร็จสิ้นในวันพุธ
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความโจมตีรัฐบาลจีนที่ไม่ได้ซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ และจีนตั้งใจถ่วงเวลาการเจรจาการค้า เพื่อรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า ซึ่งความเคลื่อนไหวของทรัมป์ส่งผลให้นักลงทุนลดความคาดหวังเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้า
นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด หลังจากเกิดเหตุการณ์อิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษในช่องแคบฮอร์มุซ เพื่อตอบโต้อังกฤษที่ยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย