สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 8% เมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 4.63 ดอลลาร์ หรือ 7.9% ปิดที่ 53.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ดิ่งลง 4.55 ดอลลาร์ หรือ 6.99% ปิดที่ 60.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 10% คิดเป็นมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.
ข้อมูลในทวิตเตอร์ของปธน.ทรัมป์ระบุว่า "เจ้าหน้าที่ของเราเพิ่งกลับมาจากจีน หลังจากที่ได้เจรจาอย่างสร้างสรรค์เพื่อทำข้อตกลงการค้าในอนาคต เราคิดว่าเราสามารถทำข้อตกลงการค้ากับจีนได้เมื่อ 3 เดือนก่อน แต่เป็นที่น่าเสียใจที่ว่า จีนได้ตัดสินใจที่จะทำการเจรจาใหม่ ก่อนที่จะมีการลงนาม และเมื่อไม่นานมานี้ จีนตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรจำนวนมากจากสหรัฐ แต่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น นอกจากนี้ ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พูดว่า เขาจะยุติการจำหน่ายยา Fentanyl ให้แก่สหรัฐ แต่สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากยังคงล้มตาย"
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของปธน.ทรัมป์ทำให้นักลงทุนกังวลว่า สงครามการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งเป็นสองประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกนั้น จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12.2 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล/วัน จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น และเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ทั้งนี้ นับเป็นสัปดาห์แรกที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น หลังจากลดลง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
นอกจากนี้ EIA ยังคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในปี 2562 จะอยู่ที่ 12.4 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในปี 2563 จะอยู่ที่ 13.3 ล้านบาร์เรล/วัน โดยการขยายตัวของการผลิตส่วนใหญ่มาจากรัฐเท็กซัส และนิวเม็กซิโก