สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน
นอกจากนี้ การดิ่งลงของค่าเงินหยวนก็ได้กดดันราคาน้ำมัน โดยทำให้จีนมีต้นทุนเพิ่มขึ้นในการนำเข้าน้ำมันในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่จีนถือเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก
ณ เวลา 23.09 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.74% สู่ระดับ 55.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันทรุดตัวลงมากกว่า 7% ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความระบุว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีอีก 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.
นอกจากนี้ การส่งออกน้ำมันของสหรัฐที่พุ่งขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน โดยการส่งออกน้ำมันของสหรัฐทะยานขึ้น 260,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 3.16 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นักวิเคราะห์เตือนว่า ราคาน้ำมันอาจดิ่งลงแตะระดับ 20 ดอลลาร์/บาร์เรล ถ้าหากจีนหันไปซื้อน้ำมันจากอิหร่าน เพื่อตอบโต้สหรัฐในการทำสงครามการค้า
"ขณะที่เรายังคงตรึงตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า แต่เราก็ยอมรับว่าหากจีนตัดสินใจซื้อน้ำมันจากอิหร่าน ก็จะส่งผลให้ราคาน้ำมันเกิดความผันผวน" รายงานจากสถาบันวิจัยของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ระบุ
รายงานดังกล่าวเตือนว่า ราคาน้ำมันอาจทรุดตัวลงแตะระดับ 20-30 ดอลลาร์/บาร์เรล หากเกิดสถานการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ของจีนขู่ที่จะใช้มาตรการตอบโต้สหรัฐ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีอีก 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความกล่าวหาจีนว่ากำลังปั่นค่าเงิน หลังจากที่หยวนทรุดตัวลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ในวันนี้ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี โดยค่าเงินหยวนในตลาดการเงินของจีนดิ่งลงแตะระดับ 7.04 เทียบดอลลาร์
"จีนปล่อยให้หยวนดิ่งลงใกล้แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สิ่งนี้เรียกว่า 'การปั่นค่าเงิน'" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
อย่างไรก็ดี นายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวยืนยันว่า จีนจะไม่ใช้หยวนเป็นเครื่องมือในการทำสงครามการค้า
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่จีนปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงอย่างมาก ถือเป็นมาตรการตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนเคยสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลกในปี 2558 โดยการประกาศปรับลดค่าเงินหยวนในปีดังกล่าว เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ