สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 53.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 87 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 58.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตือนว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% คิดเป็นมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี พร้อมกับสั่งให้บริษัทของรัฐบาลระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ
สถาบันวิจัยของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ได้ออกรายงานเตือนว่า ราคาน้ำมันอาจดิ่งลงแตะระดับ 20 ดอลลาร์/บาร์เรล ถ้าหากจีนหันไปซื้อน้ำมันจากอิหร่าน เพื่อตอบโต้สหรัฐในการทำสงครามการค้า
อย่างไรก็ดี รายงานล่าสุดระบุว่า ปธน.ทรัมป์ยังคงเปิดกว้างในการทำข้อตกลงการค้ากับจีน ซึ่งจะทำให้สหรัฐใช้ความยืดหยุ่นในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ขณะที่จีนได้ออกมาเคลื่อนไหวในเชิงบวกด้วยการสร้างเสถียรภาพเงินหยวน โดยธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อวานนี้ที่ระดับ 6.9683 เทียบดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.9736 เทียบดอลลาร์
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 3.8 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ส.ค. ซึ่งจะเป็นการลดลงติดต่อกัน 8 สัปดาห์