สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มกบฎฮูตีของเยเมนได้ใช้โดรนโจมตีบ่อน้ำมันทางตะวันออกของซาอุดีอาระเบีย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.44% ปิดที่ 56.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.88% ปิดที่ 59.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นหลังจากสำนักข่าวซาอุดี เพรส รายงานโดยอ้างการเปิดเผยเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียว่า กลุ่มกบฎฮูตีของเยเมนได้ใช้โดรนโจมตีบ่อน้ำมันทางตะวันออกของซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้เกิดเพลิงลุกไหม้ในโรงกลั่นน้ำมันแห่งหนึ่งของซาอุดีอาระเบีย
ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลก และเป็นปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ดี นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบียได้ออกมาชี้แจงในเวลาต่อมาว่า เหตุการณ์โจมตีบ่อน้ำมันเชย์บาห์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น สร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อย และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
นอกจากนี้ นายอัล-ฟาลีห์ยืนยันว่า การผลิตและการส่งออกน้ำมันของซาอุดีอาระเบียจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุก่อการร้ายครั้งนี้ พร้อมกับกล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นการกระทำที่ประสงค์ร้ายต่อเศรษฐกิจและตลาดน้ำมันโลก
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย