สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ส.ค. นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกยังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาดน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 56.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 60.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ หลังจากนักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ส.ค. ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล และคาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซลและฮีทติ้งออยล์ จะลดลง 200,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกยังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาดน้ำมัน โดยล่าสุดศาลอิหร่านเริ่มทำการวินิจฉัยกรณีที่กองทัพอิหร่านได้เข้ายึดเรือ Stena Impero ของอังกฤษเมื่อเดือนที่แล้ว โดยศาลอิหร่านระบุว่า เรือลำดังกล่าวรุกล้ำช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายน่านน้ำสากล
ส่วนสถานการณ์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐนั้น ทางการอิหร่านยืนยันว่าจะไม่เจรจากับสหรัฐ ยกเว้นการเจรจาที่จะทำให้สหรัฐกลับเข้าสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน
ทั้งนี้ นายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รมว.ต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านไม่มีความสนใจที่จะเจรจากับสหรัฐ นอกจากว่าการเจรจาดังกล่าวจะพุ่งเป้าไปยังการทำให้สหรัฐกลับเข้าสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2558 ซึ่งสหรัฐได้ถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าวในปีที่แล้ว