สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจที่ซบเซาและผลกระทบของสงครามการค้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 55.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 60.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 2.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวลงเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 200,000 บาร์เรล
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและผลกระทบจากสงครามการค้าจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันลดน้อยลงด้วย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกลง 40,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ สู่ระดับ 1.10 ล้านบาร์เรล/วัน และคาดการณ์ว่าตลาดจะเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดในปีหน้า
นักลงทุนจับตาสถานการณ์อิหร่านอย่างใกล้ชิด หลังจากที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกหาวิธีหยุดยั้งไม่ให้อิหร่านสร้างความวุ่นวาย รวมทั้งยับยั้งการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน