สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 รวมทั้งรายงานที่ว่า สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ให้ความร่วมมือมากขึ้นในการปฏิบัติตามข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 54.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 59.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ หลังจากผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์หลายสำนักออกมาในทิศทางเดียวกันว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลง โดยนักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลงกว่า 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 ส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลงมากถึง 4.7 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต (JMMC) ของกลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกซึ่งรวมถึงรัสเซีย รายงานว่า อัตราส่วนการปฏิบัติตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตในหมู่สมาชิกโอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกในเดือนก.ค.อยู่ที่ระดับ 159% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบปี
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์อิหร่านอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในเดือนหน้า ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ผู้นำอิหร่าน ต่างก็จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว โดยจุดสนใจอยู่ที่ว่า ผู้นำทั้งสองจะมีการจัดการเจรจากันหรือไม่ เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในตะวันออกกลาง