สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ส่งสัญญาณคืบหน้า ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 56.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 61.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงถึง 10 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 ส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.1 ล้านบาร์เรล
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ ลดลง 11.1 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 23 ส.ค.
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างมากของสหรัฐนั้น ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน อันเนื่องมาจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจซบเซา และเป็นปัจจัยหนุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ว่า จีนและสหรัฐกำลังหารือกันเกี่ยวกับการจัดการเจรจาการค้าในเดือนก.ย. โดยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ใกล้ถึงวันอาทิตย์นี้ (1 ก.ย.) ซึ่งเป็นวันที่จีนและสหรัฐมีกำหนดขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกัน
ทางด้านนายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายควรสร้างภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อความคืบหน้าในการเจรจา โดยจีนจะสกัดกั้นไม่ให้สงครามการค้ากับสหรัฐทวีความรุนแรงมากขึ้น และยินดีที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าอย่างสงบ