สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนที่มีการขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยจีนนับเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 2.32 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 56.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 2.44 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 60.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในคืนนี้ เวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ส.ค. ซึ่งจะเป็นการลดลงติดต่อกันสัปดาห์ที่ 3
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนยังเป็นปัจจัยหนุนสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นด้วย โดยผลสำรวจของมาร์กิตและไฉซินระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับ 52.1 จากระดับ 51.6 ในเดือนก.ค. โดยภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนทำสถิติขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนส.ค. อยู่ที่ระดับ 53.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 53.7 ในเดือนก.ค.