สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ หลังการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการฟื้นฟูกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย หลังถูกโจมตีก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ ซาอุดีอาระเบียสามารถผลิตน้ำมัน 11.3 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ณ เวลา 22.50 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.69% สู่ระดับ 56.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 190,000 บาร์เรล โดยเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 600,000 บาร์เรล
นักลงทุนยังจับตาปัจจัยการเมืองสหรัฐ และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศการเริ่มกระบวนการไต่สวนอย่างเป็นทางการ เพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนบุตรชายของนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
การดำเนินการของนางเพโลซีมีขึ้น หลังมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้กดดันนายเซเลนสกีเพื่อให้มีการสอบสวนนายไบเดน และนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้สั่งระงับการให้งบช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนจำนวนราว 400 ล้านดอลลาร์ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนที่เขาจะโทรศัพท์ติดต่อนายเซเลนสกี ซึ่งมีการมองกันว่า ปธน.ทรัมป์กำลังใช้งบช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐเพื่อกดดันนายเซเลนสกีให้มีการสอบสวนนายไบเดน และบุตรชาย
ทั้งนี้ นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย
นักลงทุนยังกังวลต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ปธน.ทรัมป์กล่าววิพากษ์วิจารณ์จีนในเวทีการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติวานนี้ว่า จีนมีการดำเนินการทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และปธน.ทรัมป์จะไม่ยอมรับข้อตกลงการค้าที่ทำให้ชาวอเมริกันเสียเปรียบ
"จีนไม่เพียงแต่ไม่ได้ทำการปฏิรูปตามที่ได้ให้สัญญาไว้ แต่ยังมีรูปแบบเศรษฐกิจที่อิงบนการสร้างอุปสรรคขวางกั้นการเข้าสู่ตลาด ขณะที่รัฐบาลให้การอุดหนุนจำนวนมาก มีการปั่นค่าเงิน มีการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี รวมทั้งขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และขโมยความลับทางการค้าจำนวนมาก" ปธน.ทรัมป์กล่าว