สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่หดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงนั้น อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 53.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 58.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจเมื่อคืนนี้ ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.2 จากระดับ 49.1 ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ และเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 2
ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนก.ค. โดยการบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้า หดตัวลงเช่นกัน ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน หลังจากมีรายงานว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ลดลง 750,000 บาร์เรล สู่ระดับ 28.9 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.ย. อันเนื่องมาจากผลกระทบของเหตุการณ์โจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย
นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 ก.ย.