สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแออาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 98 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 52.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 1.20 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 57.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ต่างก็ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 ก.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันดิบยังเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
ส่วนสต็อกน้ำมันประเภทอื่นๆนั้น EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 200,000 บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 308,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อแอของสหรัฐ โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งชะลอตัวจากที่เพิ่มขึ้น 157,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 47.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 โดยดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ และเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 2