สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่มั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากมีรายงานว่า จีนต้องการเจรจาเพิ่มเติมกับสหรัฐก่อนที่จะลงนามในข้อตกลงการค้าขั้นแรกกับสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 1.11 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 53.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 59.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลงหลังจาก IEA ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 2562 ลง 100,000 บาร์เรล สู่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปรับลดคาดการณ์ตัวเลขดังกล่าวในปี 2563 ลง 100,000 บาร์เรลเช่นกัน สู่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยคาดว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลงจะส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำมันอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากมีรายงานว่า จีนต้องการเจรจาเพิ่มเติมกับสหรัฐอีกอย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ เพื่อสรุปรายละเอียดของข้อตกลงการค้าขั้นแรกก่อนที่ผู้นำทั้งสองจะลงนามร่วมกัน
สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า จีนยังต้องการให้ปธน.ทรัมป์ล้มเลิกแผนการขึ้นภาษีนำเข้าในเดือนธ.ค.ด้วย นอกเหนือไปจากที่เสนอว่าจะยกเลิกการขึ้นภาษีตามกำหนดการในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ สหรัฐมีกำหนดเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 30% ในวันที่ 15 ต.ค. จากเดิมที่ระดับ 25% และมีกำหนดเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.6 แสนล้านดอลลาร์ ในวันที่ 15 ธ.ค.
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย