สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก และจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงาน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 78 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 52.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 61 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 58.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดในแดนลบหลังจาก IMF เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) โดยได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสู่ระดับ 3.0% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2551-52 จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.2%
ขณะเดียวกัน IMF ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าสู่ระดับ 3.4% จากเดิมที่ระดับ 3.5%
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของจีนยังส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้พลังงาน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ร่วงลง 1.2% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการดิ่งลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่ยอดการนำเข้าของจีนหดตัวเป็นเดือนที่ 5
นักลงทุนยังรอความชัดเจนในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังมีรายงานว่า จีนต้องการเจรจาเพิ่มเติมกับสหรัฐอีกอย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ เพื่อสรุปรายละเอียดของข้อตกลงการค้าขั้นแรกก่อนที่ผู้นำทั้งสองจะลงนามร่วมกัน นอกจากนี้ จีนยังต้องการให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ล้มเลิกแผนการขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในเดือนธ.ค.ด้วย นอกเหนือจากที่เสนอให้มีการยกเลิกการขึ้นภาษีตามกำหนดในสัปดาห์นี้
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพฤหัสบดีนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย