สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ที่ซบเซา หลังจากที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงจากจีนทำให้นักลงทุนมีความวิตกครั้งใหม่ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง จะทำให้ความต้องการน้ำมันดิบลดลง และจะส่งผลกดดันราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกว่า ความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าต่างๆ จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 53.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 49 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 59.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า อุปสงค์ในตลาดน้ำมันจะลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2562 ขยายตัว 6.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 6.1%
ตลาดน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลงสู่ระดับ 3.0% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2551-52 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.2%
นอกจากนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2562 ลงสู่ 0.98 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่คงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของความต้องการน้ำมันในปี 2563 ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงที่ 1.08 ล้านบาร์เรล/วัน