ราคาน้ำมัน WTI พุ่งกว่า 1% ทะลุ 55 ดอลลาร์ ขานรับสต็อกน้ำมันสหรัฐลดลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 23, 2019 22:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ทะลุ 55 ดอลลาร์ในวันนี้ ขานรับการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว

ณ เวลา 22.03 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 1.30% สู่ระดับ 55.19 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรล

สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.45 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2 ล้านบาร์เรล

สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 3 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะพิจารณาเกี่ยวกับการเพิ่มการปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมกำหนดนโยบายในเดือนธ.ค. และความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

แหล่งข่าวระบุว่า กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะพิจารณาเกี่ยวกับการเพิ่มการปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 5-6 ธ.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอในปีหน้า

ทั้งนี้ โอเปกบรรลุข้อตกลงกับรัสเซีย และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ โดยจะปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน

ทางด้านนายหลี่ ยู่เฉิง รมช.ต่างประเทศของจีน กล่าวว่า จีนและสหรัฐประสบความคืบหน้าในการเจรจาการค้า และทั้งสองฝ่ายจะสามารถแก้ไขปัญหาใดๆได้ ตราบใดที่มีความเคารพซึ่งกันและกัน

"ไม่มีประเทศใดสามารถประสบความมั่งคั่งโดยปราศจากความร่วมมือกับประเทศอื่น" นายหลี่กล่าว

นอกจากนี้ นายหลี่ยังกล่าวว่า โลกต้องการให้จีนและสหรัฐยุติการทำสงครามการค้า ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องมีใจเปิดกว้าง แทนที่จะทำสงครามเย็นครั้งใหม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ