สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) ขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะเพิ่มการปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนธ.ค.นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 55.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 61.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ต.ค. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 3 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะพิจารณาเกี่ยวกับการเพิ่มการปรับลดกำลังการผลิต ในการประชุมกำหนดนโยบายวันที่ 5-6 ธ.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอในปีหน้า
ทั้งนี้ โอเปกบรรลุข้อตกลงกับรัสเซีย และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ โดยจะปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน