สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) หลังจากผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงไม่มากนัก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 27 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 55.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 61.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค.
ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลท์สคาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้นถึง 2.5 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย
อย่างไรก็ดี ตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นมาตรวัดสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกับตะกร้าสกุลเงินอื่นๆ ปรับตัวลง 0.07% แตะที่ 97.6919 เมื่อคืนนี้ ซึ่งดอลลาร์ที่อ่อนค่าได้เพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน เพราะทำให้สัญญามีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตร ในวันที่ 5-6 ธ.ค.นี้ ขณะที่กระทรวงพลังงานรัสเซียแถลงกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะนำปัจจัยการชะลอตัวของการผลิตน้ำมันในสหรัฐเข้าพิจารณาในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ โอเปกบรรลุข้อตกลงกับรัสเซีย และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ โดยจะปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน