สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันดิบที่สูงขึ้นในตลาด ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อรอดูความชัดเจนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 55.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 98 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 60.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ต่างก็ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายในช่วงเวลาที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังไร้ทิศทาง หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐรายหนึ่งระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน อาจไม่มีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่ประเทศชิลีในเดือนหน้า
ขณะที่ล่าสุด ประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปิเญร่า ผู้นำชิลี ประกาศยกเลิกการประชุมเอเปคที่มีกำหนดจัดขึ้นในเมืองซานติอาโกในเดือนหน้า ท่ามกลางเหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นในประเทศ
นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตร ในวันที่ 5-6 ธ.ค.นี้ ขณะที่กระทรวงพลังงานรัสเซียแถลงกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะนำปัจจัยการชะลอตัวของการผลิตน้ำมันในสหรัฐเข้าพิจารณาในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ โอเปกได้บรรลุข้อตกลงกับรัสเซีย และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ โดยจะปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน