สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากมีรายงานว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศษฐกิจจีน และความไม่มั่นใจต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 88 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 54.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 38 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 60.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ หลังจากผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือนต.ค.อยู่ที่ระดับ 29.59 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 690,000 จากระดับของเดือนก.ย.
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกันข้อมูลภาคการผลิตของจีนยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมัน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 49.3 ลดลงจากระดับ 49.8 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 49.8 โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะหดตัว
นักลงทุนจับตาสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับสัญญาณความคืบหน้า โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่จีนมีความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าในระยะยาวกับสหรัฐ ขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่า สหรัฐและจีนจะยังคงหาทางบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกภายในกรอบเวลาที่กำหนด แม้ว่าชิลียกเลิกการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ในเดือนหน้าก็ตาม
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูผลการประชุมโอเปกและประเทศพันธมิตร ในวันที่ 5-6 ธ.ค.นี้ ท่ามกลางความหวังที่ว่า กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะนำปัจจัยการชะลอตัวของการผลิตน้ำมันในสหรัฐเข้าพิจารณาในการประชุมครั้งนี้