สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลงในสัปดาห์นี้ และตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 56.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 2.07 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 61.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันพุ่งขึ้น หลังเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่นในสัปดาห์นี้ สู่ระดับ 691 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2560 โดยปรับตัวลง 2 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 128,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 89,000 ตำแหน่ง แม้พนักงานบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) จำนวน 46,000 คนได้ทำการผละงานประท้วงก็ตาม
ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.6% ในเดือนต.ค.ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ก็ยังอยู่ใกล้ระดับ 3.5% ของเดือนก.ย.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังปรับตัวขึ้นขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยทางการจีนเปิดเผยว่า จีนได้บรรลุฉันทามติในประเด็นหลักทางการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองฝ่ายได้หารือกันทางโทรศัพท์ในสัปดาห์นี้
กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ในวันศุกร์ โดยการเจรจาเป็นไปอย่างจริงจังและสร้างสรรค์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงประเด็นหลักทางการค้า และมีการเจรจาเตรียมการสำหรับการหารือครั้งต่อไปด้วย