สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ทะลุระดับ 57 ดอลลาร์ในวันนี้ จากความหวังที่ว่าสหรัฐและจีนจะลงนามในข้อตกลงการค้าในไม่ช้า
ณ เวลา 23.19 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 1.26% สู่ระดับ 57.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในระหว่างการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ว่า เขาเชื่อว่าสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนในเดือนนี้ และคาดว่าบริษัทสหรัฐจะได้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายสินค้าให้กับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีนในเร็วๆนี้
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า การเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเฟสแรกกำลังดำเนินไปด้วยดี และเขาหวังที่จะลงนามข้อตกลงดังกล่าวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในสหรัฐเมื่อการทำข้อตกลงเสร็จสมบูรณ์ โดยอาจมีการลงนามข้อตกลงการค้ากับจีนที่รัฐไอโอวา ซึ่งเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการทำสงครามการค้าระยะเวลาเกือบ 16 เดือนระหว่างสหรัฐและจีน
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงานแนวโน้มตลาดน้ำมันโลกประจำปี 2562 ในวันนี้ โดยระบุว่า โอเปกจะส่งออกน้ำมันลดลงในช่วง 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากสหรัฐและประเทศคู่แข่งของโอเปกมีการผลิตน้ำมันมากขึ้น
รายงานระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่นๆของโอเปกจะลดลงสู่ระดับ 32.8 ล้านบาร์เรล/วันภายในปี 2567 เมื่อเทียบกับระดับ 35 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้
ที่ผ่านมา โอเปกได้ปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด และการที่สหรัฐคว่ำบาตรน้ำมันจากอิหร่านและเวเนซุเอลา ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้อุปทานน้ำมันจากโอเปกลดลง ขณะที่สหรัฐเพิ่มกำลังการผลิตด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ในการสกัดน้ำมันออกจากชั้นหินดินดาน (shale oil)
โอเปกคาดว่าสหรัฐจะสามารถผลิต shale oil แตะระดับ 16.9 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 จากระดับ 12.0 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ ก่อนที่จะพุ่งแตะ 17.4 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2572
นอกจากนี้ โอเปกยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในระยะกลางและระยะยาว โดยคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะอยู่ที่ระดับ 103.9 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 104.5 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนในระยะยาวคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะแตะระดับ 110.6 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2583 โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้เช่นกัน
โอเปกระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการใช้พลังงานทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของรถยนต์นั่งทั้งหมดที่มีการผลิตใหม่ในกลุ่มประเทศขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ภายในปี 2583 และมากกว่า 26% ของรถยนต์ทั่วโลก
โอเปกและประเทศพันธมิตร จะประชุมกำหนดนโยบายการผลิตในวันที่ 5-6 ธ.ค.
นายราเวล โซโรคิน รมช.พลังงานรัสเซีย กล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่กลุ่มโอเปกและพันธมิตร จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้น
ทั้งนี้ โอเปกบรรลุข้อตกลงกับรัสเซีย และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ โดยจะปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน