สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) ขานรับถ้อยแถลงของเลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งต่างก็แสดงมุมมองในเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของรัฐบาลสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 57.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 62.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากนายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการกลุ่มโอเปกได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงเวียนนาเมื่อวานนี้ว่า ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจโลกยังคงแข็งแกร่ง และเขาเชื่อมั่นว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า
นายบาร์คินโดยังกล่าวว่า บริษัทสหรัฐบางแห่งเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะมีการขยายตัวเพียง 300,000-400,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า ซึ่งต่ำกว่าครึ่งหนึ่งจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ และจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด
ทางด้านนายพาวเวลกล่าวแถลงการณ์ว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวที่ยั่งยืน โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 พ.ย. ขณะที่ไอเอชเอส มาร์กิต คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการประชุมนโยบายการผลิตของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรในวันที่ 5-6 ธ.ค. ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรเลีย หลังจากที่โอเปกได้บรรลุข้อตกลงกับรัสเซียและผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้