สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากผลสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 รวมทั้งรายงานที่ว่า รัสเซียอาจจะไม่ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก ในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตร ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 5-6 ธ.ค.นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 1.84 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 55.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ดิ่งลง 1.53 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 60.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ ซึ่งรวมถึงนักวิเคราะห์ในโพลล์ของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 พ.ย. ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 สัปดาห์ และคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้นราว 750,000 บาร์เรล
ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในคืนนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย
สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า รัสเซียไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก ในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตรในวันที่ 5-6 ธ.ค. แต่จะสนับสนุนให้โอเปกและพันธมิตรขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมต่อไป
นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปกและประเทศพันธมิตรในวันดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หลังจากที่โอเปกได้บรรลุข้อตกลงกับรัสเซียและผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูความเคลื่อนไหวในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ซึ่งซาอุดีอาระเบียจะประกาศโครงสร้างราคาในการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) สำหรับหุ้นบริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานใหญ่ที่สุดในโลก โดยคาดว่าจะเป็นการทำ IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของโลก