สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นเกือบ 1% ในวันนี้ โดยนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเก็งกำไร หลังราคาร่วงลงติดต่อกัน 2 วัน แม้ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 21.21 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ หรือ 0.96% สู่ระดับ 55.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ หลังจากที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
สื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นต่อสินค้านำเข้าจากจีน หากสหรัฐและจีนยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า
คำขู่ดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่ปธน.ทรัมป์เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้
ทางด้านนายแกรี่ โคห์น อดีตหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า เขาเชื่อว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค. หากสหรัฐและจีนยังคงไม่สามารถทำข้อตกลงการค้า
"ผมคิดว่าท่านประธานาธิบดีมองว่านี่เป็นการแสดงพลัง ซึ่งเหมือนกับเกมจ้องตา ถ้าเขากระพริบตาก่อน ก็จะสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาของจีน" นายโคห์นกล่าว
ความเห็นของนายโคห์นสอดคล้องกับนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ซึ่งคาดว่าปธน.ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนในกลางเดือนหน้า หากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง
นอกจากนี้ นายโคห์นยังเชื่อว่าสงครามการค้ากำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และเขาเรียกร้องให้ปธน.ทรัมป์ลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกเพื่อช่วยเหลือภาคเกษตรของสหรัฐ ซึ่งถูกกระทบจากการที่จีนใช้มาตรการภาษีตอบโต้สหรัฐ
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนไม่มีความเชื่อมั่นต่อการเจรจาการค้ากับสหรัฐ เนื่องจากปธน.ทรัมป์ปฏิเสธที่จะยกเลิกการปรับเพิ่มภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน
ทั้งนี้ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเผชิญอุปสรรคจากการที่สหรัฐเรียกร้องให้จีนซื้อสินค้าเกษตรมากขึ้น ขณะที่จีนปฏิเสธเงื่อนไขของสหรัฐที่ต้องการให้จีนยุติการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี และจีนยังเรียกร้องให้สหรัฐระงับการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ก่อนที่จะมีการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรก
แหล่งข่าวระบุว่า รัสเซียไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตรในวันที่ 5-6 ธ.ค.
อย่างไรก็ดี คาดว่ารัสเซียจะสนับสนุนให้โอเปกและพันธมิตรขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมต่อไป
ทั้งนี้ โอเปกบรรลุข้อตกลงกับรัสเซีย และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอีก 9 ประเทศในการประชุมเมื่อเดือนก.ค.ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ โดยปรับลดกำลังการผลิตในอัตราเดิมที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ ในวันที่ 5 ธ.ค. ซาอุดีอาระเบียจะประกาศโครงสร้างราคาในการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) สำหรับหุ้นบริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานใหญ่ที่สุดในโลก โดยคาดว่าจะเป็นการทำ IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของโลก